About

การเดินทาง  บทที่ 2   หอพัก ขอพัก                            พวกเราใช้เวลาเดินทางจากนครพนมมายังขอนแก่นประมาณ 5 ชม. ถึงขอนแก่นตอ...

การเดินทาง บทที่ 2 หอพัก ขอพัก


การเดินทาง 

บทที่ 2 

หอพัก ขอพัก

                           พวกเราใช้เวลาเดินทางจากนครพนมมายังขอนแก่นประมาณ 5 ชม. ถึงขอนแก่นตอนเวลา เกือบเที่ยง   ถึงเเล้วสินะ เเล้วนี่ฉันต้องทำยังไงต่อเนี่ยยยยย.....เห้อถึงจะเป็นเจ้าถิ่นเเท้ๆเเต่ฉันกลับจำทางอะไรไม่ได้แถมยังขึ้นรถเมล์ไม่เป็นอีก เอาไงดีเนี่ย เห้อ....เอาว่ะไหนๆก็มาถึงเเล้วงั้นก็ลองทำดูซักครั้งละกัน ฉันเลยตัดสินใจพายาหยีขึ้นรถเมล์ เพื่อพาไปที่หอพัก เนื่องจากว่าฉันเคยไปพักที่หอพักจันทร์เพ็ญเเล้ว เเล้วแม่ฉันก็บอกทางมาอยู่บ้าง ฉันก็เลยคับคล้ายคับคราพอจะจำทางได้อยู่ เราเลยลองคลำๆทางไปกัน (ทำไงได้ล่ะไม่ลองก็ไม่รู้ นี่มันเป็นครั้งแรกของชีวิตเลยนะเนี่ย) ส่วนเก่งนั้นก็รอรุ่นพี่มารับอยู่ บขส. 
ฉันกับยาหยีรอรถเมล์อยู่สักพัก รถเมล์ก็มาเเล้ว  เราขึ้นรถเมล์ ผ่าน รร.ขอนแก่นวิทยายน ตลาดบางลำพู สถานีตำรวจ ระหว่างที่กำลังนั่งรถเมล์นั้น ฉันนั่งคิดอะไรเพลินๆ คิดถึงแม่น้ำโขงที่นครพนมจัง




 เเต่มาแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ เราน่าจะได้ประสบการณ์ค่อนข้างเยอะเลยเเหละ แถมยาหยีที่มากับฉันก็ไม่บ่นอะไรสักคำที่ฉันเคยมาขอนแก่นหลายรอบแล้วแต่กลับไม่รู้เรื่องอะไร เธอจะเบื่อรึเปล่านะ    ตอนนี้ใกล้ถึงแล้วล่ะ เรานั่งรถเมล์มาประมาณ 20 นาทีเเล้วล่ะ ...... รถเมล์จอดลงอีกฝั่งเราเกือบถึงเเล้วล่ะ แค่ต้องข้ามสะพานลอยไปอีกฝั่ง เเล้วก็เดินอก 300 เมตร  ในที่สุดเราก็ถึงเเล้ว กว่าจะมาถึงเนี่ยเข่าแทบทรุดเลย เราเขาไปติดต่อห้องพัก เอากุญเเจแล้วก็ขึ้นไปห้องพัก เพื่อเอาของไปเก็บ หลังจากที่เราจัดของกันเรียบร้อยเเล้วเลยคุยกันว่าไปหาข้าวกินกัน เพราะว่านี่ก็เวลาเกือบจะบ่ายสองเเล้วเเต่เราก็ยังไม่ได้กินข้าวเลย เราสองคนเดินออกไปดูแถวๆหน้าหอพัก ก็เลยเจอร้านข้าวขาหมู เอาร้านนี่เเหละ น่าจะอร่อย ข้าวขาหมูร้านนี้ ราคา 40 บาท หน้าตาน่ากินแถมอร่อยอีกต่างหาก หลังจากที่เรากินข้าวเสร็จก็เลยพากันกลับหอพัก  อารมณ์ตอนนี้ฉันอยากจะนอนพักสุดๆเลย หอจ๋า............เราขอพักหน่อยนะ  เห้อเหนื่อยสุดๆไปเลย....WALAN 

0 ความคิดเห็น:

การเดินทาง บทที่  1 STARTED               ฉันชื่อพิม อยู่ชั้น ม.5 เรียนอยู่ที่ รร.ประจำจังหวัดนครพนม ฉันเป็นคนที่ชอ...

การเดินทาง บทที่ 1 STARTED



การเดินทาง

บทที่  1

STARTED


              ฉันชื่อพิม อยู่ชั้น ม.5 เรียนอยู่ที่ รร.ประจำจังหวัดนครพนม ฉันเป็นคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยว ชอบหาประสบการณ์ ชอบถ่ายรูป แล้วก็ค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องเรียน ตอนนี้ฉันเลยกำลังหาที่ติวอยู่ ยาหยีเพื่อนที่ฉันไม่ค่อยสนิทมากนักเลยมาแนะนำที่ติวให้  โดยเป็นการติวฟรีของสหพัฒน์ ครั้งที่ 16 ที่จ.ขอนแก่น.. หึหึ..แล้วมีหรือที่ฉันจะไม่ไป เพราะว่าได้ทั้งความรู้แถมประสบการณ์อีกต่างหาก ฉันเลยตัดสินใจตกลงว่าจะไปติว
             


          เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2559 ฉันได้ออกเดินทางเพื่อไปติวหนังสือที่ จ.ขอนแก่น จนถึง วันที่ 9 ตุลาคม นั้นเป็นเดินทางครั้งแรกของฉันโดยปราศจาก พ่อกับแม่ ตอนแรกฉันคิดว่าจะไปติวดีไหม เพราะฉันไม่เคยไปไหนคนเดียวมาก่อน แต่ดีที่ว่าฉันมีเพื่อนไปด้วยอีก 2 คน ชื่อว่า เก่งและยาหยี แต่ฉันก็ไม่ได้สนิทกับ 2 คนนี้มากนักหรอก แต่ก็พอที่จะพูดคุยกันได้ อันที่จริงเพื่อนสนิทของฉันก็จะไปด้วยเหมือนกัน แต่เธอติดธุระกะทันหันซะงั้น พวกเราก็เลยเดินทางกันแค่ 3 คน พวกเราออกเดินทางจากนครพนมตอนเช้าตรู่ ตอน 7.30 น. โดยขึ้นรถทัวร์ไปค่าตั๋วประมาณ 243 บาท/คน หลังจากที่เราขึ้นรถกันเราก็คุยกันว่าจะนอนที่ไหนกันดี เก่งบอกว่าจะไปนอนหอกับรุ่นพี่ที่ อยู่ใน มข. เพราะเราติวกันที่ หอประชุมกาญจณาภิเษก  เก่งเลยโชคดีไป ตอนนี้ก็เลยเหลือฉันกับยาหยีเราคุยกันว่าจะนอนที่ไหนดี อันที่จริงบ้านย่าของฉันอยู่ที่ขอนแก่น แต่ฉันไม่อยากไปนอนเพราะว่าลุงที่อยู่บ้าน พึ่งเสียไปใหม่ๆ บรรยากาศในบ้านเลยค่อนข้างหน้ากลัว ฉันเลยไม่บอกย่าว่าจะไปขอนแก่น เพราะกลัวว่าย่าจะน้อยใจถ้าฉันไม่ไปนอนด้วย ฉันเลยลองเสิร์ชหาหอพักในขอนแก่นดู ในที่สุดฉันก็เลยหาหอพักได้ ชื่อว่าหอพักจันทร์เพ็ญ ค่าหอที่นี่ ค่อนข้างถูก วันละ 350 บ. ห่างจากที่ติวประมาณ 4 กม. แถมอยู่ใจกลางเมืองเลยค่อนข้างสะดวก เราสองคนเลยเลือกที่จะพักที่นี่ ฉันเลยจะโทรจองไว้ แต่ดันโทรไม่ติดซะงั้น....TT เราเลยกะว่าพอถึงเเล้วค่อยไปจองถึงที่เลยดีกว่า.......เฮ้อออออออออ นี่เพิ่งเเค่เริ่มนะเเเล้วอีก 7 วันนี่ฉันจะอยู๋ได้ไหมเนี่ยยยย.....WALAN

0 ความคิดเห็น:

อนาคต   คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเวลาหลังจาก ปัจจุบัน ฉันเชื่อว่าทุกทุกคนก็คงอยากจะมีอนาคตที่ดีตามที่ตัวเองนั้นได้หวังเอาไว้ เเต่ทุกสิ่งทุกอย่า...

อนาคตอีก10 ปีข้างหน้าของฉัน

อนาคต คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเวลาหลังจากปัจจุบัน ฉันเชื่อว่าทุกทุกคนก็คงอยากจะมีอนาคตที่ดีตามที่ตัวเองนั้นได้หวังเอาไว้ เเต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ใช่ว่าจะเป็นไปตามที่เราหวังไว้ซะหมดอนาคตที่ดีตามที่เราหวังไว้นั้นจะเกิดขึ้นได้นั้น ก็จะต้องผ่านอุปสรรคที่จะมากีดขวางเรา ดังนั้นเราจะต้องมีความพยายามและความตั้งใจเพื่อให้ผ่านอุปสรรคเหล่านี้ไปให้ได้...ดังคำคมที่ว่า



You were born to win,
but to be a winner, you must
plan to win, prepare to win,
and expect to win
.
เราทุกคนเกิดมาเพื่อเป็นผู้ชนะ และผู้ชนะที่แท้จริงต้องไม่ย่อท้อ รู้จักอดทนรอวันที่ชัยชนะจะมาถึง


I hated every minute of
training, but I said, "Don't
quit. Suffer now and live
the rest of your life as a champion."
หากวันไหนรู้สึกท้อแท้กับช่วงเวลาที่ต้องฝึกฝน
บอกกับตัวเองให้อดทนลำบากตอนนี้ เพื่ออนาคตที่ดีในวันหน้า



อนาคตของฉันในอีก 10 ปีข้างหน้า
        ณ..ตอนนี้ฉันอายุ 16 ปี อีก 10 ปีข้างหน้าฉันก็คงจะอายุ 26 ปี สิ่งที่คนอายุเท่านี้จะทำก็คงอยากจะใช้ชีวิตอย่างอิสระหลังจากได้ใช้ชีวิตในวัยรุ่นตอนต้นที่เต็มไปด้วยกฏระเบียบไปแล้ว อายุ 26 ปีก็คงจะเรียนจบและมีงานทำแล้ว ฉันฝันเอาไว้ว่าฉันอยากจะเป็นหมออาสาเพื่อช่วยเหลือผ้คนที่อยู่ตามชนบท อยากจะให้คนที่อยู่ตามชนบทนั้นมีการเป็นอยู่และสุขภาพที่ดี เพื่อให้มีความทัดเทียมกับคนที่อยู่ในเมือง และในตามชนบทที่ฉันอยากจะเข้าไปช่วยเหลือก็คือ
บนดอย เพราะบนดอยนั้นความสะดวกสบายด้านต่างๆร่วมไปถึงด้านการแพทย์ยังคงเข้าไม่ถึง และอีกอย่างก็คือสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศที่นั้นดีมากฉันอยากจะพาครอบครัวไปสัมผัสอากาศดีๆและใช้ชีวิตอยู่ที่นั้นระหว่างที่ฉันเป็นแพทย์อยู่ที่นั้น
       และอีกอย่างที่ฉันฝันไว้ก็คือฉันอยากจะไปเที่ยวรอบโลก อยากไปสัมผัสและเรียนรู้วัฒนธรรมและการใช้ชีวิตของคนที่อยู่ต่างประเทศ อยากจะท่องเที่ยวแบบแบ๊กแพ็คเกอร์ฉันคิดว่าคงเป็นสิ่งที่น่าสนุกและตื่นเต้นดี
      สุดท้านนี้ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันหวังอาจจะเป็นไปได้ยากแต่สำหรับฉัน ฉันคิดว่าหากเรามีความพยายาม ความอดทนและมีความตั้งใจที่อ ยากจะทำสิ่งนั้นจริงๆยังไงทุกสิ่งทุกอย่างที่เราหวังไว้ก็อาจจะเป็นความจริงในวันข้างหน้าก็ได้....... WALAN

0 ความคิดเห็น:

สังคมก้มหน้า         เชื่อกันว่า สมองมนุษย์มี "ความฉลาด" โดยรวมกว่าสมองของสปีชีส์อื่นใดเท่าที่ทราบ แม้ว่าสปีชีส์อื่นที่มิใช่...

สังคมก้มหน้า

สังคมก้มหน้า
   


    เชื่อกันว่า สมองมนุษย์มี "ความฉลาด" โดยรวมกว่าสมองของสปีชีส์อื่นใดเท่าที่ทราบ แม้ว่าสปีชีส์อื่นที่มิใช่มนุษย์บางสปีชีส์จะสามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างและใช้อุปกรณ์อย่างง่ายได้ ส่วนมากผ่านสัญชาตญาณและการล้อเลียน แต่เทคโนโลยีของมนุษย์มีความซับซ้อนกว่ามาก และมีวิวัฒนาการและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตามเวลา
   ในปัจจุบันนี้มนุษย์ได้สร้างและพัฒนาเทคโนโลยีสิ่งใหม่ๆขึ้นมามากมาย ทำให้สังคมของเรานั้นกลายเป็น"สังคมก้มหน้า"ผู้คนจดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยที่ไม่หันมาสนใจอย่างอื่นเลย มันเป็นเพราะเทคโนโลยีหรืออะไรกันเเน่นั้นเราคงต้องมาหาคำตอบกัน 
   



   เราก็เป็น"สังคมก้มหน้า"คนนึงเหมือนกัน เราเอาแต่สนใจในสิ่งที่อยู่ในโทรศัพท์เเละไม่รู้จ้กแบ่งเวลาให้ดี จนทำให้เกรดของเราตก เพราะว่าไม่ได้อ่านหนังสือ โต๊ะทำงานของเรารกเพราะว่าไม่มีเวลาจัด ต้นไม้ของเราเกือบตายเพราะไม่มีเวลาดูแล เพราะว่ามัวเเต่ไปสนใจสิ่งที่อยู่ในโทรศัพท์
   แต่หลายวันมานี้เราอยู่โดยที่ไม่ได้เติมเงินอินเทอร์เน็ต เพราะพ่อกับแม่ไปต่างจังหวัด เเล้วเอาเงินให้เราใช้นิดเดียวเราเลยไม่มีเงินเติมเน็ต เราก็เลยรู้สึกว่า เฮ้ยมันก็ดีนะ เราได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้จัดห้อง ได้รดน้ำต้นไม้(ซึ่งตัวเธอคงจะโหยหามานาน)ช่วงเวลาตอนนั้นเรารู้สึกดีมากที่ได้ทำแบบนั้น มันคงจะดีมากถ้าเรารู้จักเเบ่งเวลาในการเล่นโทรศัพท์กับชีวิตประจำวันของเราให้ดีตั้งเเต่ในตอนเเรก แล้วตอนนี้เราก็ค้นพบได้เเล้วว่าสำหรับเราสิ่งที่ทำให้เราเป็น "สังคมก้มหน้า"คงจะเป็นเพราะตัวเราเองที่เเบ่งเวลาไม่เป็น  
   สุดท้ายเราหวังว่าคนที่ได้อ่านบทความนี้เเล้วคงไม่ทำแบบเราเนอะ.....WALAN

0 ความคิดเห็น: